อีกหนึ่งปัญหาของพนักงานออฟฟิศ เมื่อเจอกับอาการท้องผูก และไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอาหารการกินผสมกับความเครียดในทุกๆ วัน นั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคลำไส้อักเสบ
อีกหนึ่งปัญหาของพนักงานออฟฟิศ เมื่อเจอกับอาการท้องผูก และไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอาหารการกินผสมกับความเครียดในทุกๆ วัน นั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคลำไส้อักเสบ ที่ทำให้รู้สึกปวดท้องอยู่บ่อยๆ จนคาดไม่ถึงว่า กำลังเจอกับอาการของโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งที่มีทั้งชนิดเฉียบพลัน ซึ่งควรหายภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากนานเกิน 1 เดือน เตรียมใจไว้เลยว่า กำลังเผชิญหน้าอยู่กับโรคลำไส้อักเสบชนิดเรื้อรังก็ต้องรักษากันยาวเลยล่ะค่ะ
เช็คด่วน! อาการแบบไหนคือลำไส้อักเสบ
- คลื่นไส้อาเจียน และกินอะไรไม่ค่อยลง
- รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
- บางทีอาจจะมีอาการปากแห้ง หรือมือเท้าเย็น
- ท้องเสียกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่บ่อย ๆ
- ปวดท้องแบบบิดๆ เกิดเป็นพักๆ
- ปวดอุจจาระบ่อยแต่กลับถ่ายไม่ออก
- พอถ่ายออกมีมูกเลือด หรือมีอาการปวดหน่วงๆ ที่ทวาร
- อาจมีไข้ร่วมตามมา
9 วิธีดูแลตัวเองเมื่อลำไส้อักเสบมากวนใจ
- เริ่มที่การจดบันทึกรายการอาหารที่รับประทานในแต่ละวันและสังเกตว่าอาหารชนิดใดที่กินแล้วส่งผลต่อร่างกาย รวมทั้งจดเพื่อเตือนตัวเองว่า วันนี้ได้กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายไปแค่ไหน
- เปลี่ยนพฤติกรรมการกินจาก 3 มื้อใหญ่ ลองแบ่งเป็น 5 – 6 มื้อย่อยต่อวัน
- อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ อาจจะตั้งขวดน้ำขนาด 1 ลิตรไว้ที่โต๊ะทำงานแล้วหมั่นจิบบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ดื่มน้ำได้มากขึ้น
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่าง กาแฟ และชา เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานหนักเข้าไปใหญ่
- ระหว่างที่อาการกำเริบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีย่อยยาก ให้หันมากินอาหารย่อยง่าย เช่น แตงโม มะละกอ กล้วย อะโวคาโด ช่วยให้ลำไส้ทำงานน้อยลง รวมทั้งยังสามารถยับยั้งอาการปวดท้องและท้องเสียได้ดี
- สร้างความแข็งแรงให้กับลำไส้ด้วยอาหารที่วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ อาทิ ฟักทอง แครอทต้มสุก
- ลดความเครียดด้วยการฝึกการหายใจเข้าลึกๆ จนท้องป่อง และหายใจออกจนท้องแฟ่บ ทำแบบนี้หลายๆ ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 นาที ฝึกบ่อยๆ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวอย่างแน่นอน
- ออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะ และยืดกล้ามเนื้อ เพราะนอกจากร่างกายจะได้คลายความตึงกล้ามเนื้อแล้ว ยังถือว่าได้ฝึกการหายใจไปในตัวอีกทาง
- หลีกเลี่ยงการนอนดึก ทำงานจนอดหลับอดนอน หรือนอนน้อย เพราะการนอนหลับอย่างเต็มอิ่มราว 8 ชั่วโมง จะช่วยเผาพลาญพลังงาน ซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอ และชาร์ตพลังให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมสู้กับโรคที่เกิดขึ้น
